การนำเข้าสารเคมีและวัตถุอันตรายตามมาตรฐานกฎหมาย


Posted 13 Dec 2024 13:46 | 26 views

ประเภทของสารเคมีและวัตถุอันตราย กฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนการนำเข้าสารเคมี และข้อควรปฏิบัติสำหรับการจัดการอย่างถูกต้อง

การนำเข้าสารเคมีและวัตถุอันตรายถือเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ตั้งแต่การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคไปจนถึงเทคโนโลยีขั้นสูง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเหล่านี้ส่งผลให้รัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศต้องกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการนำเข้า การใช้ และการจัดการสารเคมี เพื่อปกป้องทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์

เราจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ ประเภทของสารเคมีและวัตถุอันตราย กฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนการนำเข้าสารเคมี และข้อควรปฏิบัติสำหรับการจัดการอย่างถูกต้อง

ประเภทของสารเคมีและวัตถุอันตราย
ในประเทศไทย กฎหมายวัตถุอันตราย (พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535) ได้กำหนดการจัดประเภทของวัตถุอันตรายเป็น 4 ประเภท เพื่อให้ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าใจและปฏิบัติตามได้ง่าย

ประเภทที่ 1 วัตถุอันตรายที่ก่อให้เกิดผลกระทบน้อยกว่ากลุ่มอื่น ไม่ต้องขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย แต่ต้องแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ทราบและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีที่กำหนด 

ประเภทที่ 2 วัตถุอันตรายที่มีความเป็นอันตรายหรือความเสี่ยงสูงกว่าประเภทที่ 1 กฏหมายจึงกำหนดให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครอง ต้องขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายและแจ้งดำเนินการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อนถึงจะประกอบกิจการได้ 

ประเภทที่ 3 วัตถุอันตรายที่มีความเป็นอันตรายหรือความเสี่ยงสูงกว่าวัตถุอันตรายสองประเภทแรกกฏหมายกำหนดให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครอง ต้องขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย และต้องได้รับอนุญาตให้ดำเนินการจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนจึง จะประกอบกิจการได้

ประเภทที่ 4 วัตถุอันตรายที่มีความเป็นอันตรายหรือความเสี่ยงสูงทั้งจากคุณสมบัติของตัวสารเอง หรือจากลักษณะการใช้ เช่น สารก่อมะเร็ง สารก่อกลายพันธุ์ สารที่เป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ หรือสารที่ห้ามใช้โดยอนุสัญญา กฏหมายจึงห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำ-เข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง


กฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสารเคมี

ในประเทศไทย การนำเข้าสารเคมีอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานต่างๆ โดยมีกฎหมายหลักดังนี้:

1. พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายหลักที่ควบคุมการจัดการวัตถุอันตรายในประเทศไทย กำหนดมาตรการควบคุมในทุกขั้นตอน ได้แก่ การผลิต การนำเข้า การส่งออก การจัดเก็บ การขนส่ง และการกำจัด

  • ข้อกำหนดเกี่ยวกับการนำเข้า : ผู้ที่ต้องการนำเข้าสารเคมีประเภทวัตถุอันตรายจะต้อง:

    • ลงทะเบียนเป็นผู้ประกอบการวัตถุอันตราย
    • ยื่นขออนุญาตนำเข้าจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
    • ส่งเอกสารข้อมูลด้านความปลอดภัย (Safety Data Sheet หรือ SDS) และรายละเอียดการใช้งาน
    • ปฏิบัติตามข้อกำหนดการจัดเก็บและการขนส่ง
  • บทลงโทษ : การนำเข้าวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษทั้งทางอาญาและทางปกครอง เช่น โทษปรับหรือจำคุก


2. กฎหมายศุลกากร
กฎหมายศุลกากรเป็นกฎหมายที่ควบคุมการนำเข้าสารเคมีผ่านช่องทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเน้นที่การตรวจสอบเอกสารและกระบวนการนำเข้าให้ถูกต้อง

  • เอกสารสำคัญที่ต้องจัดเตรียม:

    • Safety Data Sheet (SDS): เอกสารข้อมูลด้านความปลอดภัยซึ่งต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของสารเคมี ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง วิธีการจัดเก็บ และการกำจัดอย่างปลอดภัย
    • เอกสารการอนุญาต: เช่น ใบอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตรายจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
    • ใบกำกับสินค้า (Invoice) และรายการสินค้านำเข้า (Packing List): เพื่อระบุข้อมูลเชิงพาณิชย์
  • ข้อกำหนดการขนส่ง : การนำเข้าสารเคมีต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการขนส่งสินค้าอันตราย เช่น มาตรฐาน ADR (Accord Dangereux Routier) หรือ IMDG (International Maritime Dangerous Goods Code)


3. กฎระเบียบจากหน่วยงานเฉพาะ

 

กรมโรงงานอุตสาหกรรม (DIW)
กรมโรงงานอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญในการควบคุมสารเคมีในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงาน

  • หน้าที่ของผู้ประกอบการ
    • ขออนุญาตการใช้และนำเข้าสารเคมีตามประเภทที่กำหนด
    • ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีต้องห้ามหรือสารเคมีที่อยู่ในบัญชีควบคุม
    • รายงานปริมาณการนำเข้าและการใช้งานต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม

กรมวิชาการเกษตร
กรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลสารเคมีทางการเกษตร เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี และสารกำจัดวัชพืช

  • ข้อกำหนดสำคัญ
    • สารเคมีทางการเกษตรที่นำเข้าต้องผ่านการรับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
    • มีการตรวจสอบคุณภาพสารเคมีเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภค

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีบทบาทในการควบคุมสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอาง และยา

  • การกำกับดูแล

    • สารเคมีที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เช่น สารปรุงแต่งอาหาร ต้องได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก อย.
    • สารเคมีในเครื่องสำอางต้องผ่านการตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าไม่มีสารต้องห้ามหรือสารก่อมะเร็ง

4. อนุสัญญาระหว่างประเทศ
ประเทศไทยเข้าร่วมอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับเพื่อควบคุมการใช้และนำเข้าสารเคมีที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

Stockholm Convention
อนุสัญญาสตอกโฮล์มควบคุมการใช้สารเคมีที่มีความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในระยะยาว เช่น สารกลุ่ม Persistent Organic Pollutants (POPs)

  • ผลกระทบต่อการนำเข้า : สารเคมีที่ถูกระบุในอนุสัญญาจะต้องได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดหรือห้ามใช้โดยสิ้นเชิง

Rotterdam Convention
อนุสัญญารอตเตอร์ดามควบคุมการนำเข้าสารเคมีที่มีความเสี่ยงสูง โดยกำหนดให้ประเทศผู้ส่งออกแจ้งข้อมูลให้ประเทศผู้นำเข้ารับทราบ

  • ผลกระทบต่อการนำเข้า : ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบว่าสารเคมีที่นำเข้ามีการแจ้งเตือนจากประเทศต้นทางหรือไม่ และต้องผ่านการอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ขั้นตอนการนำเข้าสารเคมีอย่างถูกต้อง

การนำเข้าสารเคมีในประเทศไทยเป็นกระบวนการที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และสังคม ผู้ประกอบการจึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ชัดเจนและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ดังนี้

1. ตรวจสอบสารเคมีที่ต้องการนำเข้า
การตรวจสอบเบื้องต้นช่วยให้ผู้ประกอบการมั่นใจว่าสารเคมีที่ต้องการนำเข้าปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย

  • วิเคราะห์ประเภทสารเคมี : สารเคมีที่นำเข้าจะต้องได้รับการจำแนกประเภทตามบัญชีวัตถุอันตรายของประเทศไทย เช่น ประเภท 1 (ไม่ต้องขออนุญาต), ประเภท 2 หรือ 3 (ต้องขออนุญาต), หรือสารต้องห้าม (Restricted Substances)
  • ตรวจสอบใบอนุญาตที่จำเป็น : เช่น หากเป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 จะต้องยื่นขออนุญาตก่อนการนำเข้า
  • ตรวจสอบข้อกำหนดระหว่างประเทศ : เช่น สารเคมีที่อยู่ในบัญชีอนุสัญญา Stockholm หรือ Rotterdam อาจมีข้อจำกัดเพิ่มเติม

2. เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
เอกสารที่ครบถ้วนและถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอนุญาตและการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • Safety Data Sheet (SDS)
    เอกสารที่แสดงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยของสารเคมี เช่น คุณสมบัติทางกายภาพและเคมี วิธีการปฐมพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน การจัดเก็บ และการกำจัด
  • ใบอนุญาต
    สำหรับสารเคมีที่เข้าข่ายวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 หรือสารเคมีที่ต้องการควบคุมโดยหน่วยงาน เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมวิชาการเกษตร หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
  • เอกสารเพิ่มเติม
    เช่น รายการบรรจุสินค้า (Packing List), ใบกำกับสินค้า (Invoice) และเอกสารแสดงการชำระภาษีศุลกากร

3. ยื่นขออนุญาต
การยื่นคำขออนุญาตเป็นขั้นตอนสำคัญในการนำเข้าสารเคมี โดยต้องดำเนินการผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ

  • ช่องทางการยื่นคำขอ

    • ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม
    • ผ่านสำนักงานศุลกากรสำหรับขั้นตอนการผ่านแดน
  • กระบวนการตรวจสอบ
    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตรวจสอบข้อมูล เช่น ความปลอดภัย การจัดการความเสี่ยง และวัตถุประสงค์การใช้งาน
  • การประเมินความเสี่ยง
    บางกรณีอาจต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบและวิเคราะห์ความเสี่ยงเชิงลึก

4. ดำเนินการขนส่งและจัดเก็บอย่างปลอดภัย
เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว การขนส่งและการจัดเก็บสารเคมีต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนด

  • การขนส่ง
    • ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง เช่น บรรจุภัณฑ์ที่ระบุด้วยสัญลักษณ์ UN
    • เลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสม เช่น การควบคุมอุณหภูมิและความชื้นสำหรับสารเคมีที่ไวต่อสภาพแวดล้อม
  • การจัดเก็บ
    • แยกสารเคมีตามความเข้ากันได้ (Chemical Compatibility) เพื่อลดความเสี่ยงจากปฏิกิริยาเคมี
    • จัดเก็บในพื้นที่ที่มีระบบระบายอากาศที่ดี มีป้ายเตือนและอุปกรณ์ป้องกันฉุกเฉิน

ข้อควรปฏิบัติในการจัดการสารเคมี

1. การติดฉลากและบรรจุภัณฑ์
การติดฉลากที่เหมาะสมและใช้บรรจุภัณฑ์ตามมาตรฐานเป็นสิ่งจำเป็น

  • ฉลากสารเคมี:
    ต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน เช่น ชื่อสารเคมี เลขทะเบียน CAS คำเตือนด้านความปลอดภัย และคำแนะนำในการใช้งาน
  • มาตรฐานบรรจุภัณฑ์:
    บรรจุภัณฑ์ต้องได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการรั่วไหลหรือการสัมผัสสารเคมี

2. การจัดเก็บและขนส่ง

  • จัดเก็บแยกประเภท:
    สารเคมีที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยา เช่น สารไวไฟหรือสารออกซิไดซ์ ควรแยกออกจากกัน
  • วิธีการขนส่งที่ปลอดภัย:
    เช่น การใช้ตู้คอนเทนเนอร์ที่มีการป้องกันสารเคมีรั่วไหล

3. การรายงานและการตรวจสอบ

  • รายงานปริมาณการนำเข้า:
    ผู้ประกอบการต้องรายงานปริมาณการนำเข้าและการใช้งานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม
  • การตรวจสอบ:
    เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาจเข้าตรวจสอบการปฏิบัติงานในสถานที่จัดเก็บหรือใช้งานสารเคมี

4. การกำจัดสารเคมีอย่างถูกต้อง

  • การกำจัดของเสีย:
    ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกรมควบคุมมลพิษ เช่น การส่งของเสียไปยังสถานที่กำจัดที่ได้รับอนุญาต
  • การรีไซเคิลหรือบำบัด:
    หากเป็นไปได้ ควรมีการรีไซเคิลหรือบำบัดสารเคมีเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การนำเข้าสารเคมีอย่างถูกต้องต้องอาศัยความร่วมมือและความเข้าใจในข้อกำหนดของกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัย ผู้ประกอบการควรเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ตั้งแต่การตรวจสอบประเภทสารเคมี การจัดเตรียมเอกสาร การขออนุญาต การจัดเก็บและขนส่ง ไปจนถึงการกำจัดอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงในกระบวนการนำเข้าสารเคมี ทั้งนี้ยังช่วยส่งเสริมความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีต่อธุรกิจในระยะยาว


สำหรับการบริการด้านการนำเข้าสารเคมีอันตรายและสารควบคุมทุกประเภท ทางทีมงาน มอสโทริ รับดำเนินการแบบครบทุกขั้นตอน โดยที่ลูกค้าเปิดเอกสารสั่งซื้อมาที่ บริษัท มอสโทริ จำกัด ซึ่งรายละเอียดหลัก คือ
 

  • เราจะเป็นตัวแทนนำเข้าสารเคมี
  • เราจะเป็นผู้นำเข้าและจัดเก็บสารเคมีอันตรายกับทางกรมโรงงาน
  • เราจะเป็นผู้นำส่งสินค้าให้กับทางลูกค้า

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
Facebook : Mostori Co.,Ltd
Line : 
https://lin.ee/4HoPAtx
website : www.mostori.com

#chemical #mostori 

แหล่งอ้างอิง : กรมโรงงานอุตสาหกรรม / พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 / UNEP / FAO