ตัวอย่างที่เกี่ยวกับ IoT กับการบริหารโรงงานอัจฉริยะ:


Posted 14 Jan 2025 08:50 | 12 views

"IoT กับการบริหารโรงงานอัจฉริยะช่วยเชื่อมต่อเครื่องจักรและระบบต่างๆ แบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดของเสีย และเสริมความปลอดภัยในโรงงาน"

ตัวอย่างการใช้ IoT ในการบริหารโรงงานอัจฉริยะ:

  1. การบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ (Predictive Maintenance)
    เซ็นเซอร์ IoT ติดตั้งบนเครื่องจักรเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการทำงาน เช่น การสั่นสะเทือน อุณหภูมิ และการใช้งานจริง ช่วยแจ้งเตือนปัญหาที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า ลดการหยุดทำงานฉุกเฉินและเพิ่มอายุการใช้งานเครื่องจักร

  2. การจัดการพลังงาน (Energy Management)
    ระบบ IoT ตรวจสอบการใช้พลังงานในส่วนต่าง ๆ ของโรงงานแบบเรียลไทม์ ช่วยระบุจุดที่ใช้พลังงานเกินความจำเป็นและปรับการใช้งานเพื่อประหยัดต้นทุน

  3. การติดตามสินค้าคงคลัง (Inventory Tracking)
    ใช้ IoT ในการติดตามสินค้าและวัตถุดิบแบบเรียลไทม์ ด้วย RFID หรือบาร์โค้ด ลดความผิดพลาดในการจัดเก็บและเพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่ง

  4. การปรับปรุงกระบวนการผลิต (Process Optimization)
    เครื่องจักร IoT และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันช่วยรวบรวมข้อมูลการผลิต ส่งข้อมูลกลับไปยังระบบวิเคราะห์เพื่อลดของเสียและปรับปรุงประสิทธิภาพ

  5. ความปลอดภัยในโรงงาน (Factory Safety)
    ระบบ IoT เช่น กล้องอัจฉริยะและเซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อน สามารถติดตามความปลอดภัยของพนักงานและตรวจจับสภาวะผิดปกติ เช่น ไฟไหม้หรือการรั่วไหลของสารเคมี

IoT ช่วยเปลี่ยนโรงงานธรรมดาให้กลายเป็นโรงงานอัจฉริยะที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกมิติ!
 


 

บริษัท XYZ Motors เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เช่น ระบบเบรก และชุดเกียร์ ซึ่งมีสายการผลิตขนาดใหญ่และซับซ้อน ก่อนหน้านี้บริษัทประสบปัญหาเครื่องจักรหยุดทำงานกะทันหัน เนื่องจากการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างเหมาะสม ทำให้การผลิตล่าช้าและต้นทุนการซ่อมบำรุงสูงขึ้น

การแก้ปัญหาด้วย IoT:

  1. ติดตั้งเซ็นเซอร์ IoT:

    • บริษัทเริ่มติดตั้งเซ็นเซอร์ IoT บนเครื่องจักรสำคัญ เช่น เครื่องปั๊มโลหะ และเครื่องประกอบชิ้นส่วน

    • เซ็นเซอร์เหล่านี้เก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น การสั่นสะเทือน, อุณหภูมิ, ความดัน และอัตราการใช้พลังงาน

  2. ส่งข้อมูลไปยังระบบคลาวด์:

    • ข้อมูลจากเซ็นเซอร์จะถูกส่งไปยังระบบคลาวด์ และวิเคราะห์ด้วยซอฟต์แวร์ AI เพื่อหาความผิดปกติ

    • ตัวอย่างเช่น หากพบว่าการสั่นสะเทือนของเครื่องปั๊มโลหะเกินค่าปกติ ระบบจะระบุว่าอาจมีชิ้นส่วนเริ่มเสื่อมสภาพ

  3. แจ้งเตือนล่วงหน้า:

    • ระบบแจ้งเตือนทีมซ่อมบำรุงผ่านแอปพลิเคชัน ว่าเครื่องจักรต้องได้รับการตรวจสอบหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนภายใน 48 ชั่วโมง

    • ทีมงานสามารถวางแผนการซ่อมบำรุงในช่วงเวลาที่ไม่กระทบต่อสายการผลิต

  4. ผลลัพธ์ที่ได้:

    • ลดการหยุดชะงักของสายการผลิตจากเหตุขัดข้องฉุกเฉินได้ถึง 90%

    • ต้นทุนการซ่อมบำรุงลดลง 25% เพราะปัญหาได้รับการแก้ไขก่อนเกิดความเสียหายรุนแรง

    • อายุการใช้งานของเครื่องจักรเพิ่มขึ้นจากการดูแลเชิงป้องกัน (Predictive Maintenance)

ประโยชน์ที่ชัดเจน:

  • การผลิตดำเนินต่อเนื่อง ส่งผลให้ส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนด

  • ลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการหยุดทำงานกะทันหัน เช่น ค่าล่วงเวลาของพนักงานและค่าชดเชยลูกค้า

  • ทีมซ่อมบำรุงสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยข้อมูลที่แม่นยำและตรงจุด

ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า IoT ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการโรงงาน ทำให้กระบวนการผลิตเป็นไปอย่างราบรื่นและคุ้มค่าในระยะยาว.